วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประเภทของสิว

ประเภทของสิว
สิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

ประเภทที่1. สิวไม่อักเสบ (non-inflammatory acne) บางตำราเรียก สิวอุดตัน

เป็นประเภทของสิวที่พบได้มากกว่า 70 % ของปัญหาสิว มักพบในวัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัว (หลัง) เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีต่อมไขมัน (Sebaceous gland) จำนวนมาก สิวชนิดนี้แบ่งย่อยได้อีก 2 ประเภท คือ

1.1. สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ ( open/black comedones) ลักษณะจะเป็นจุดสีดำ จุดสีดำนี้เกิดจากการที่น้ำมัน (sebum) ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ


สิวหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ แบบที่ 1 แบบมีเม็ดแข็งอุดอยู่ ลูบแล้วสะดุด

ลักษณะ : มีจุดสีดำ คลำแล้วไม่เรียบ เหมือนมีก้อนแข็งๆ เล็กๆ ฝังอยู่ พบได้ประปรายทั่วผิวหน้า อาจพบได้มาก บริเวณ T-zone เช่น จมูก เหนือริมฝีปาก ใต้คางและระหว่างคิ้วบ้างเล็กน้อย ถ้าใช้เครื่องมือหรือนิ้วกดออกมา จะได้ก้อนไขมันแข็ง รูปแท่ง สีเทาอมเหลือง ใสๆ เหมือนเม็ดหญ้าเจ้าชู้ กดออกง่ายในครั้งเดียว ออกแล้วออกเลย ไม่เหลือคอมีโดนตกค้างอีก และรูขุมขนจะค่อยๆเล็กลง ไม่ทิ้งรอยดำ

การรักษา : กดออก















สิวหัวเปิดหรือสิวหัวดำ แบบที่ 2 แบบลูบแล้วเรียบ บางคนเรียกสิวเสี้ยน
ทางการแพทย์ เรียกว่า Trichostasis Spinulosa (TS) และไม่จัดว่าเป็นสิว เป็นแค่ควาามผิดปกติของขนอ่อน 

ลักษณะ : มีจุดสีดำ คลำแล้วเรียบ อาจสากๆเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามีก้อนแข็งๆอุดอยู่เหมือนแบบที่ 1 พบมากบริเวณจมูก ทำให้จมูกมีจุดๆ เหมือนสตรอวเบอร์รี่ เมื่อกดหรือบีบออกมามักจะได้ เส้นไขมันขาว แต่มักจะไม่ออกมาทั้งหมด จะยังคงเหลือคอมีโดนค้างข้างใน สิวแบบนี้จะไม่หายขาด บางคนเรียกว่า " สิวสตรอว์เบอร์รี่ หรือสิวเสี้ยน " เกิดจากการอัดหรือกระจุกตัวของขนอ่อนจำนวนมากร่วมกับคอมีโดนอยู่ในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนขยายกว้างขึ้นและมองเห็นเป็นจุดสีดำ

การรักษา : ใช้สครับกาแฟ ขัดออก ต้องการดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ ไปที่หมวด " พอกขัด ผลัดเซลล์ผิว "

การป้องกัน : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการลดการอุดตันของคอมีโดน ได้แก่ เซรั่มละลายสิว หรือ BHA plus Essence หรือ Daily renewal essence ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น โดยเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ต้องการดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์โปรดไปที่หมวด " รักษาสิว ควบคุมความมัน " 

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ ช่วยได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะขนอ่อนในรูขุมขนยังเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา อย่าบีบหรือพยายามกดออก เพราะจะทำให้ผิวช้ำและเป็นมากขึ้น 



1.2. สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาว (close/white comedones) 

สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาวระดับตื้น

ลักษณะ : เป็นก้อนไขมันอุดอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่มีรูเปิด อาจจะมองเห็นหรือไม่เห็นจุดไขมันก็ได้ ขึ้นกับระดับความลึกตื้นของสิว อาจดูเหมือนผด แต่ข้างในผดนั้นคือ คอมีโดนสีขาวขุ่น สิวประเภทนี้พบมากบริเวณคาง ซอกจมูก ใต้ริมฝีปาก โดยเฉพาะใต้ริมฝีปาก หากมองเผินๆ อาจไม่เห็น แต่ถ้าเม้มปากจะชัดขึ้น 

ถ้าใช้มือบีบออกมาก็จะได้ไขมันสีขาวพุ่งออกมา แบบก้อนบ้าง เส้นบ้าง และที่แย่คือ บีบออกมาได้ไม่หมด ยังคงมีไขมันบางส่วนฝังลึกลงไปอีก (รากสิว)

การบีบ กดจะทำให้ผิวช้ำแดง และอาจลุกลามเป็นสิวอักเสบ ขอเรียกสิวแบบนี้ว่า “ สิวอุดตันตื้น” มักเห็นได้ชัดในช่วงบ่ายของวัน เพราะอากาศร้อน ในบางรายเกิดมากในช่วงก่อนมีประจำเดือน ซึ่งผิวผลิตน้ำมันออกมามาก และระบายไม่ทัน หลายคนเรียกสิวประเภทนี้ว่า สิวผด , สิวเสี้ยน

สาเหตุ

1. ใช้เครื่องสำอางที่อุดตันผิว ร่วมกับการทำความสะอาดผิวไม่ดีพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่แต่งหน้าหนา การลงคอนซีลเลอร์ ที่มีฤทธิ์เกาะติดแน่น มักจะพบว่ามีสิวอุดตันตื้นเกิดขึ้นซ้ำๆบริเวณที่แต้มคอนซีลเลอร์
2. ผิวบริเวณดังกล่าวมีรูขุมขนที่เล็กละเอียดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จึงระบายไขมันออกไม่ทัน
3. การแบ่งตัวมากผิดปกติของเคราติน จึงไปอุดตันรูขุมขน (hyperkeratinization)
4.การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ทำให้มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วค้างอยู่และเกิดการอุดตัน
5.ฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนที่หลั่งออกมามากในช่วง 14 วัน ก่อนมีรอบเดือน ฮอร์โมนนี้ทำให้มีการคั่งของน้ำในร่างกาย รูขุมขนบวมมากขึ้น การไหลผ่านของไขมันเป็นไปได้ไม่ดี สิวมักเห่อใน 2-3 วันต่อมา 

การรักษาและป้องกัน : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ช่วยในการลดการอุดตันใต้ผิว ปรับสภาพรูขุมขนและการทำงานของต่อมไขมัน เช่น เซรั่มละลายสิว , post acne serum , BHA plus essence , Daily renewal essence ควรเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น โดยเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ต้องการดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์โปรดไปที่หมวด " รักษาสิว ควบคุมความมัน " 


สิวหัวปิดหรือสิวหัวขาวระดับลึก

ลักษณะ : มองด้วยตาเปล่าเห็นรอยนูนของหัวสิวชัดเจน และมีก้อนเป็นไตแข็ง ฝังอยู่ ลองบีบกดอาจจะไม่มีไขมันโผล่ออกมาเลย (เพราะหัวสิวไม่เปิด) หรือออกมาได้แต่ไม่หมดเพราะรากสิวยังอยู่ลึก แต่จะได้ผิวที่ช้ำอยู่นานหลายเดือนแทน มีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบได้สูง สิวประเภทนี้อาจพบได้ทั้งในคนที่มีรูขุมขนเล็กละเอียด ผิวประเภทนี้จะมีทางเปิดระบายน้ำมันแคบ หรือคนที่ผิวมันรูขุมขนกว้าง ทางออกของน้ำมัน (ซีบั่ม) กว้าง แต่ก็ไม่พอที่จะระบาย

สาเหตุ
1. จากการแต่งหน้าหนา และทำความสะอาดไม่เพียงพอ
2. จากฮอร์โมน (ปัจจัยสำคัญ) ได้แก่ฮอร์โมนแอนโดรเจนทั้งในเพศชาย / หญิง และฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนก่อนมีรอบเดือนในเพศหญิง

การรักษา : สิวประเภทนี้รักษาค่อนข้างยาก บางครั้งอาจต้องรอหลายเดือนเพื่อให้ผิวค่อยๆ ผลัดตัวเองออกไปเรื่อยๆจนหัวสิวโผล่ออกมา แนะนำให้ใช้ โคลนแต้มสิว (Acne clay) แต้มก่อนนอน เพื่อให้หัวสิวโผล่เร็วขึ้นและกดออก

คำแนะนำ : ห้ามกด บีบสิว ถ้าหัวสิวยังไม่เปิด เพราจะทำให้สิวติดเชื้อและไขมันแตกรั่วออกนอกผนังรูขุมขน เข้าสู่ชั้นหนังแท้ เสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิว

ประเภทที่ 2. สิวอักเสบ (inflammatory acne) --- พัฒนาต่อจากสิวประเภทที่ 1

สิวประเภทนี้แยกจากสิวไม่อักเสบได้ง่ายๆคือ เมื่อกดจะรู้สึกเจ็บ จะมีหัวหรือไม่มีหัวโผล่หรือไม่ก็ได้ ถ้ากดแล้วเจ็บๆ จัดเป็นสิวอักเสบ ลักษณะที่มองเห็นได้ คือ มีการบวม แดง อาจมีหัวสิวโผล่หรือไม่ก็ได้ มาทำความเข้าใจเรื่องสิวอักเสบ แล้วคุณจะรู้ว่า สิวอักเสบ อาจไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อเสมอไป

2.1.กระบวนการเอักเสบ การอักเสบเกิดจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการขจัดสิ่งแปลกปลอม (เชื้อโรค ขนที่หลุดแต่ยังค้างอยู่ในรูขุมขน เศษดิน ไขมันอุดตันที่แตกรั่ว ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนจัดเป็นสิ่งแปลกปลอม) โดยการทำงานของเม็ดเลือดขาวฯลฯ ที่ถูกส่งมาตามกระแสเลือด เข้าไปทำลาย กัดกินสิ่งแปลกปลอม เกิดเป็นหนองคั่งอยู่ภายใน สีของหนองซึ่งมีสีขาวอมเหลือง ก็คือสีของซากเม็ดเลือดขาวผสมกับสิ่งสกปรก (cell debris) ในกระบวนการอักเสบจะมีการหลั่งสารสื่อประสาทบางชนิดร่วมด้วย ทำให้เรารู้สึกเจ็บบริเวณสิวอักเสบ

2.2. สาเหตุการเกิดสิวอักเสบ : มีอยู่ 2 สาเหตุหลักๆ การเกิดสิวอักเสบอาจเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือเกิดจากทั้ง 2 สาเหตุร่วมกันก็ได้

สาเหตุที่ 1 อักเสบจากการการแตกรั่วของคอมีโดนออกนอกผนังรูขุมขน 
การบีบสิวอุดตันด้วยวิธีรุนแรง หัวสิวอาจแตกเข้าสู่ผิวข้างเคียงทำให้เกิดการอักเสบ และอาจติดเชื้อ staphylococci, streptococci หรือเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ร่วมด้วย ดังนั้น ถ้าสิวยังไม่สุก งดการแกะ บีบสิว ดีที่สุดค่ะ 

สาเหตุที่ 2 อักเสบจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ P. acne
เชื้อ P. acne เป็นเชื้อประจำถิ่นที่อาศัยอยู่ตามต่อมไขมัน กินไขมันเป็นอาหาร จึงพบได้ในคอมีโดนที่อุดตัน อีกทั้ง P. acne เป็นเชื้อชนิดที่ไม่ต้องการออกซิเจน จึงเจริญเติบโตได้ดีรูขุมขนที่อุดตันซึ่งปราศจากออกซิเจน (anaerobic) ในภาวะที่มีการคั่งของไขมันมากขึ้น เชื้อตัวนี้จะเจริญมากกว่าปกติ และจะสร้างเอนไซม์มาเปลียนไขมันให้เป็นกรดไขมันอิสระ (free fatty acid, FFA) ซึ่งเป็นสารที่ระคายเคืองมาก สิวอักเสบจึงกดเจ็บ การใช้ยาปฏิชีวนะสามารถช่วยลดปริมาณเชื้อตัวนี้ได้และก็ทำให้สิวอักเสบลดลง อย่างไรก็ตามการอักเสบอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆที่อาศัยอยู่บนผิวหนังตามธรรมชาติ (ดูสาเหตุที่ 1) ทำให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานเพื่อรักษาสิวอักเสบมีหลายขนาน

2.3. การรักษาสิวอักเสบ (สิวที่กดเจ็บ บวม แดง) : หลักสำคัญในการรักษาสิวอักเสบ ก็คือ 1. การเอาหนอง/ไขมัน อุดตันออกให้หมด หากหนองที่คั่งอยู่ภายในไมได้ถูกกำจัดออก กระบวนการอักเสบจะยังเกิดต่อไปเรื่อยๆ 2. การทานยาหรือทายาฆ่าเชื้อร่วมด้วยเพื่อลดจำนวนเชื้อ

การรักษาสิวอักเสบ แบ่งการรักษาตามระยะของสิวอักเสบ ดังนี้

2.3.1 มีหัวหนองแต่ยังไม่สุก
สิวที่มีหัวหนองให้เห็นแล้วแต่สิวยังไม่สุก กระตุ้นให้สิวสุกด้วยการออกกำลังกายให้เกิดความร้อนในร่างกาย สิวจะสุกเร็วขึ้นใน 1-2 วัน หรืออาจพอกด้วย โคลนแต้มสิว พอหัวสิวสุกให้กดเอาหัวสิวออกให้หมด และใช้ เจลสมุนไพรแต้มสิว แต้มแผลสิวอีกครั้ง
หลังจากนั้นอีก 3 วัน แผลสิวจะเริ่มตกสะเก็ดให้แต้มด้วย Onion gel เจลหัวหอมรักษาแผลสิว เพื่อป้องกันรอยแดงและรอยดำหลังตก
ถ้ารอยดำสิวเข้มมาก โดยเฉพาะคนที่บีบสิวซ้ำๆ จะมีรอยดำสิวเข้มกว่าคนที่ไม่บีบสิวให้แต้มด้วย ผงไข่มุก เพื่อลดรอยแดงหรือแต้มด้วย Melanowhite เพื่อลบรอยดำ

2.3.2 เป็นไตเจ็บๆไม่มีหัว
สิวที่ไม่มีหัวหนองให้เห็น มีแต่รอยนูนแดง เป็นไตแข็งๆ กดแล้วเจ็บ เป็นอยู่นาน หัวสิวก็ยังไม่โผล่ ให้ใช้ โคลนแต้มสิว หรือ เจลสมุนไพรแต้มสิว พอกก่อนนอนทุกวัน พอกได้ตลอดเวลา ถ้าไม่ได้ออกจากบ้าน

2.3.3 สิวสุกแล้ว
ให้เจาะหรือกดเอาหนองออก ไม่ต้องตามด้วยผงพิเศษ เพราะการเอาผงยาไปโรยปิดแผล อาจเกิดความชื้นและทำให้แผลหายช้าลง แม้ว่าในผงพิเศษจะมียาฆ่าเชื้อเป็นส่วนผสม แต่ก็ไม่จำเป็น เพราะถ้าเราเจาะเอาหนองออกหมดแล้ว แผลจะหายเองโดยมักไม่ติดเชื้อ เนื่องจากผิวหน้าไม่ใช่ผิวส่วนที่ต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกมากมาย
หลังจากนั้นอีก 3 วัน แผลสิวจะเริ่มตกสะเก็ดให้แต้มด้วย Onion gel เจลหัวหอมรักษาแผลสิว เพื่อป้องกันรอยแดงและรอยดำหลังตก
ถ้ารอยดำสิวเข้มมาก โดยเฉพาะคนที่บีบสิวซ้ำๆ จะมีรอยดำสิวเข้มกว่าคนที่ไม่บีบสิวให้แต้มด้วย ผงไข่มุก เพื่อลดรอยแดงหรือแต้มด้วย Melanowhite เพื่อลบรอยดำ
ในการรักษาสิวอักเสบ จะใช้ยาแก้อักเสบ (ยาฆ่าเชื้อ) ทั้งแบบรับประทานและแบบทาร่วมด้วยก็ได้ ถ้าการอักเสบเกิดจากการติดเชื้อ ก็มักจะได้ผล แต่ถ้าการอักเสบเกิดจากการบีบ แกะและหัวสิวออกไม่หมด ก็มักจะไม่ได้ผล ต้องรอให้หัวสิวโผล่แล้วกดออกอย่างเดียว การทา BHA, BP, sulfur ก็ช่วยได้เพียงทำให้หัวสิวโผล่เร็วขึ้น ดังนั้น ห้ามบีบ แกะสิวอุดตันเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นสิวแบบลึก แบบตื้น เพราะถ้าลุกลามไปเป็นสิวอักเสบเมื่อไหร่ ยาใดก็ยากที่จะช่วยได้

4 ความคิดเห็น:

  1. สิวเป็นไตไตผมใช้ 2 ตัวนี้ครับ benzac กับ differin ช่วยได้เยอะจริงๆ ตามนี้เลยครับ [รวมสรรพคุณยาทารักษาสิวไม่มีหัว]

    ตอบลบ
  2. ใช้เจลว่านหางจรเข้ค่ะช่วยรักษารอยดำจากสิวได้ดี

    ตอบลบ
  3. สูตรของเราใช้ ผงพิเศษ+ดินสอพอง+น้ำมะนาว ผสมกันใช้พอกหน้า 20 นาที แล้วล้างออก และหลังจากนั้นเราก็ทาด้วย #โซยังไนท์ครีม ตอนนี้สิวหายเกลี้ยง
    หน้าเนียนใส ยิ่งขึ้นค่ะ ลองหาดูใน กูเกิลนะคะ หรือ https://www.facebook.com/Soyoungthailand เราสั่งจากที่นี้ค่ะ

    ตอบลบ
  4. เมื่อก่อนเราเล่นเกมดึก และก็เป็นสิวหนัก ทำทุกวิถีทางเครียดไม่หายสักที จนเห็นเพื่อนที่เป็นสิวหน้าใสขึ้นเลยรู้มาว่าเค้าใช้แค่ benzac 5% ทาก่อนล้างหน้าและโซยังไนท์ครีม และฺล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แค่นี้หายแบบงงๆเลย เด๋วต้องลองวิธีออกกำลังกายเพิ่มเพื่อให้เลือดหมุนเวียน ผิวจะได้ใสๆกะเค้าบ้าง อ้อ benzac 5% ซื้อได้ตามร้านขายยา โซยังไนท์ครีม google หาเอาเด้อหยุดใช้ละ เพราะสิวหายแว้ว นานๆแต้มทีถ้าเป็นสิว

    ตอบลบ