วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แผลเป็น

หากเป็นสิวธรรมดาหัวขาวหรือหัวดำ เมื่อหายจะไม่เป็นแผลเป็น แต่หากเป็นสิวที่มีการอักเสบชนิด nodular หรือเป็นหนอง pustular เมื่อหายอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นซึ่งพบได้หลายลักษณะ
  • macule ลักษณะเป็นผื่นแดงไม่นูนซึ่งเกิดจากการอักเสบ รอยแดงอาจจะเป็นอยู่นานหลายเดือนกว่าจะจางหาย
  • Post inflammatory hyperpigmentation คือเป็นรอยด่างดำหลังจากสิวหายแล้ว อาจจะอยู่ได้นาน 18 เดือน เกิดจากการอักเสบของผิวหนัง การป้องกันให้หลีกเลี่ยงแสงแดด อาจจะใช้ยาทาพวกวิตามินเอ หรือกรดผลไม้จะช่วยให้ผื่นจางลง
สาเหตุของการเกิดแผลเป็น
    เมื่อผิวหนังเกิดการอักเสบ ร่างกายจะจัดการแก้ไขโดยเม็ดเลือดขาวจะมาเก็บพวกเชื้อโรคและเซลล์ที่ตายแล้ว ร่วมกับปฏิกิริยาของการอักเสบ ทำให้เกิกดพังผืดบริเวณแผล



    ๅ


    ชนิดของแผลเป็น

    ชนิดของแผลเป็นแบ่งออกเป็นสองชนิดคือ
    1. ชนิดที่เป็นแผลนูน เนื่องจากมีพังผืดปริมาณมากมาเกาะที่แผลทำให้เกิดลักษณธที่เรียกว่า keloid
    2. ชนิดแผลเป็นที่เป็นรอยบุ๋มลงซึ่งมีได้หลายลักษณะ

    ๅ


    การป้องกัน

    การป้องกันที่ดีที่สุดคือลดการอักเสบของสิว โดยการรักษาสิวอย่างถูกต้อง ไม่บีบหัวสิวเอง

    การรักษา

    จดุประสงค์ของการรักษาคือทำให้ผิวหนังกลับสู่ปกติให้มากที่สุด การรักษาสามารถทำได้้หลายวิธี
    • การทำ Soft tissue fillers โดยการฉีดสาร  Collagen หรือไขมัน fat ไปยังบริเวณแผลเป็นเพื่อให้ผิวนูนขึ้นมาทำให้แผลเป็นตื้น ซึ่งจะต้องฉีดเป็นระยะ
    • การลอกหน้า โดยการใช้สารเคมีที่เป็นกรดทาใบหน้าและลอกเอาผิวส่วนบนออก
    • การขัดหน้า Dermabrasion จะใช้ในกรณีมีมีแผลเป็นค่อนข้างมาก ว฿่งจะลอกเอาผิวส่วนบนออก ข้อเสียอาจจะทำให้ผิวคล้ำ
    • Microdermabrasionเป็นการขัดผิวโดยการลอกส่วนหน้าของผิวโดยการเป่า crystals ไปที่ผิว และใช้เครื่องดูดทั้ง crystals และผิวออก ของดีคือผิวไม่ถูกลอก แต่แผลเป็นยังคงสังเกตเห็นแม้ว่าจะทำหลายครั้ง
    • การใช้ laserเพื่อลอกเซลล์หนังกำพร้าออก และจะมีเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ หลังจากทำหลายครั้งแผลเป็นจะตื้นลง
    • การผ่าตัด โดยการผ่าตัดเอาแผลเป็นออก

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น